titanic เรื่องย่อ หนังรักที่ตราตรึงใจคนดูกว่า 23 ปี

Share on facebook
Share on twitter
Share on linkedin

titanic เรื่องย่อ TITANIC (ไททานิค) เป็นภาพยนตร์ชื่อดังเกี่ยวกับเรื่องราวความรักแสนโรแมนติกระหว่างแจ๊คกับโรส ที่หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้าง กำกับโดยผู้กำกับมากความสามารถอย่างเจมส์ คาเมรอน โดยเจมส์สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นเพราะได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริงที่เรืออาร์เอ็มเอส ไททานิก เกิดอุบัติเหตุชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งในวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.1912 ในตอนค่ำแล้วเรือก็อับปางในเวลาต่อมา เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เขาจึงได้ยกเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาแล้วแต่งเติมเรื่องราวความรักของชายหญิงลงไปเปลี่ยนโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นเป็นความรักอมตะที่หลายคนยังจดจำและกล่าวถึงจนทุกวันนี้

หนังเริ่มขึ้นในยุคปัจจุบันที่มีกลุ่มคนต้องการที่จะหาเพชรเม็ดหนึ่งที่อาจจะมีมูลค่ามหาศาล พวกเขาดำน้ำลงไปค้นหาใต้ท้องทะเลจนได้พบกับซากเรือไททานิค หนึ่งในนั้นเป็นตู้เซฟที่บรรจุภาพวาดของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีหน้าตาสวยนอนเปลือยทั้งตัวพร้อมกับแขวนสร้อยที่พวกเขากำลังตามหา เมื่อเรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ไปทางทีวีจึงทำให้โรส หญิงชราวัย 84 ปี ที่เป็นคนเดียวกับหญิงสาวในภาพวาด ผู้เป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้นเดินทางมายังกลางทะเลสถานที่ที่นักล่าสมบัติกำลังปฏิบัติการกันอยู่ พร้อมกับเล่าเรื่องในอดีตให้พวกเขาฟัง เรื่องราวทั้งหมดของไททานิคจึงเริ่มต้นขึ้นผ่านการเล่าเรื่องของโรสนั่นเอง

โรสเล่าว่าในปี ค.ศ. 1912 เรือไททานิคที่ได้ชื่อว่าเป็นเรือสำราญลำใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้กำหนดการออกเดินทางท่องทะเลเป็นครั้งแรก โดยจะแล่นจากสหราชอาณาจักรไปยังนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา แจ็คเป็นเด็กหนุ่มผู้โชคดีเขาเล่นการพนันชนะและได้รางวัลเป็นตั๋วเพื่อขึ้นเรือไททานิคจำนวน 2 ใบ เขาจึงขึ้นเรือลำนั้นไปพร้อมกับเพื่อนของเขา

หลังขึ้นไปบนเรือแจ็คได้พบกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งซึ่งก็คือโรส กำลังจะฆ่าตัวตายบนดาดฟ้าของเรือ แจ็คจึงได้เข้าไปคุยและช่วยพูดให้เธอสบายใจ เธอจึงยอมกลับเข้ามาและการพบกันในครั้งนั้นก็ทำให้ชีวิตของเขาและเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล ความรักของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นผมคิดว่าเล่าต่อไปคงจะหมดสนุกแน่ ๆ เพราะฉะนั้นก็เข้าไปติดตามต่อกันได้ทาง Netflix ผ่านกล่อง True ID ได้เลยครับ ทั้งนี้ผมต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่าใน Netflix ไม่มีภาคไทยนะครับจะมีแต่ซับไทยเท่านั้น

ส่วนตัวผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นรอบที่สี่แล้วครับ แม้จะรู้เรื่องราวในแต่ละฉากหมดแล้ว แต่ทุกครั้งที่ดูก็ยังรู้สึกประทับใจในความรักของทั้งคู่อยู่ดี เพราะแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ตัวหนังก็สามารถถ่ายทอดให้เราได้เห็นถึงพลังความรักอันสุดแสนจะโรแมนติกได้อย่างสุดซึ้ง สิ่งหนึ่งที่หนังสามารถบอกเราได้อย่างชัดเจนคือความรักกับความเหมาะสมมันเป็นคนละเรื่องกัน การวางบทให้นางเอกเป็นเหมือนลูกคนรวย ฐานะดีในขณะที่พระเอกกลับแตกต่างกันสุดขั้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะยุคก่อนหรือแม้แต่สมัยปัจจุบันเองถือเป็นอุปสรรคของความรักที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะนั่นหมายความว่าทั้งสองคนจะต้องถูกเลี้ยงและเติบโตมาในสังคมที่แตกต่างกัน ความคิดและทัศนคติย่อมไม่เหมือนกัน และที่สำคัญคือครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมักจะไม่ค่อยยอมรับจุดนี้มากนัก ซึ่งเราจะค่อย ๆ อินไปความรักของพระนาง พร้อมกับเอาใจช่วยพวกเขาให้ฝ่าฟันกับเรื่องดังกล่าวไปด้วย

ฉากที่ผมชอบที่สุดในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ฉากในตำนานอย่างฉากที่แจ๊คกับโรสยืนกางแขนโต้ลมอยู่บนหัวเรือหรือฉากร่ำลาสุดสะเทือนใจในตอนท้าย แต่เป็นฉากที่พระเอกวาดรูปเปลือยของนางเอกนั่นต่างหาก ผมรู้สึกว่าฉากดังกล่าวเป็นฉากที่ทำให้เรารับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าของทั้งคู่ว่าสนิทสนมและไว้ใจกันมากขึ้นกว่าเดิมขนาดไหน เพราะเอาเข้าจริงเรื่องราวความรักของทั้งคู่มันเกิดขึ้นเร็วมาก แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ก่อนหน้านั้นเป็นแค่การเล่าเรื่องราวความเป็นมาของตัวละครว่าแต่ละคนเป็นใคร มาจากไหน และรู้จักกันได้อย่างไร แต่หลังจากฉากนี้จะเป็นเรื่องราวของความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จากความประทับใจกลายเป็นความชอบและเปลี่ยนเป็นความรักในที่สุดครับ

นอกจากเรื่องราวที่น่าประทับใจแล้วที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้คงเป็นเพลงประกอบอย่าง My Heart Will Go On ที่ได้รับรางวัลมากมายเช่นเดียวกับตัวภาพยนตร์เลย เพราะมันเป็นตัวเร้าให้เราอินไปกับอารมณ์ของหนังได้ดีเหลือเกิน ทั้งเพลงประกอบ การดำเนินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ บวกกับการคัดเลือกนักแสดงได้น่าดู พระเอกหล่อ นางเอกสวย และบทสรุปที่ซึ้งกินใจคนดูจนเป็นที่จดจำ ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้จึงทำให้ไททานิคเป็นภาพยนตร์ที่สุดยอดตลอดกาลครับ

titanic เรื่องย่อ เวลาที่ใช้อ่าน : 2 นาที

titanic เรื่องย่อ เมื่อมหากาพย์ภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าเรื่อง ไททานิค (Titanic) ของเจมส์ คาเมรอนออกฉายในปี 1997(2540) มันกลายเป็นปรากฏการณ์ทันที ดึงดูดผู้ชมทั่วโลกด้วยการเล่าเรื่องที่ชวนหลงใหล งานภาพอันน่าทึ่ง และเรื่องราวความรักที่น่าเศร้า แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นสถานที่พิเศษในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพลังของการเล่าเรื่องและจิตวิญญาณของมนุษย์

ฉากหลังของเรื่องคือการเดินทางครั้งแรกที่แสนจะอาภัพของเรือ RMS Titanic ในปี 1912(2455) โดยเล่าผ่านการตามติดชีวิตของคนหนุ่มสาวสองคนจากชนชั้นทางสังคมที่แตกต่างกัน ซึ่งมาคลิกกันท่ามกลางความมั่งคั่งบนเรือสำราญและความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา แจ็ก ดอว์สัน (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ศิลปินนักวาดไส้แห้งผู้รักอิสระ และโรส เดอวิตต์ บูเคเตอร์ (เคต วินสเล็ต) หญิงสาวที่ติดหล่มอยู่ในชนชั้นสูงที่ไร้ซึ่งอิสระและความเป็นตัวเอง ก่อตัวเป็นสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาที่ท้าทายบรรทัดฐานทางสังคม

สิ่งที่ทำให้ “ไททานิค” แตกต่างอย่างแท้จริงและตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของมันคือ ความสามารถในการพาผู้ชมย้อนกลับไปในยุคนั้นด้วยความสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์ ความใส่ใจในรายละเอียดของเจมส์ คาเมรอน ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกเฟรมจะทำให้เรารู้สึกดื่มด่ำไปกับความยิ่งใหญ่และโศกนาฏกรรมของเรือไททานิค การสร้างเรือจำลองที่ดูอลังการงานสร้าง ไปจนถึงเครื่องแต่งกายที่แพรวพราวและการออกแบบงานสร้างที่พิถีพิถัน ความงดงามทางภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ช่างดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก การที่กลับมาดูอีกครั้งในรอบหลายๆ ปี ยังคงทึ่งกับงานภาพของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดูเนี๊ยบจริงๆ

หัวใจของเรื่องราวคือตัวละครหลักสองคน แจ็คและโรส ซึ่งเป็นตัวแทนของสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยและการกบฏต่อข้อจำกัดทางสังคม แจ็ค ศิลปินอิสระที่มีภูมิหลังต่ำต้อย มีจิตวิญญาณแห่งอิสระและการผจญภัย เขาท้าทายโครงสร้างทางสังคมที่เข้มงวดในยุคนั้นและกระตุ้นให้โรสหลุดพ้นจากกรงทองของเธอ ในทางกลับกัน โรสที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการดำรงอยู่อย่างทรมานของชนชั้นสูง ติดหล่มกับความคาดหวังและการแต่งงานที่ปราศจากความรัก ด้วยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ กลายเป็นตัวเร่งในการปลดปล่อยพันธนาการซึ่งกันและกัน

ตัวละครของแจ็คเปรียบเสมือนคำเปรียบเปรยของผู้ด้อยโอกาสและผู้ที่กล้าที่จะฝันไกลเกินเอื้อม ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ และความรักที่แท้จริงของเขาที่มีต่อโรส ท้าทายแนวคิดเรื่องสถานะทางสังคม โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเห็นอกเห็นใจและความถูกต้องเหนือทรัพย์สินทางวัตถุ ดั่งที่แจ็คพูดบนโต๊ะอาหารกับบรรดาเหล่าเศรษฐีได้ตระหนักถึงการใช้ชีวิตให้คุ้ม เพื่อให้แต่ละวันนั้นคุ้มค่า – to make each day count

ในทางกลับกัน โรสเป็นตัวแทนของพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของความรัก และความลุกขึ้นสู้ในการต่อต้านบรรทัดฐานทางสังคม การเดินทางของเธอจากหญิงสาวที่ติดกับดักความคาดหวังของแม่ ไปสู่บุคคลที่มีอิสรเสรีที่เต็มใจต่อสู้เพื่อความสุขของตัวเองนั้น สะท้อนความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง จากการคลุกคลีกับแจ็ค โรสค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอ ใช้ความกล้าหาญที่จะไล่ตามความปรารถนาของตัวเอง และหลุดพ้นจากโซ่ตรวนของการเลี้ยงดูท่ามกลางสิทธิพิเศษของเธอ

นอกเหนือจากตัวละครที่ดึงดูดใจแล้ว ภาพยนตร์ยังเจาะลึกประเด็นของความรัก การเสียสละ และจิตวิญญาณของมนุษย์ที่ไม่ย่อท้อ ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ระหว่างความหรูหราฟุ่มเฟือยของเรือกับความเป็นจริงอันโหดร้ายของชีวิตผู้ที่ด้อยโอกาส มันแสดงภาพโศกนาฏกรรมของการจมของเรือไททานิคได้อย่างเจ็บปวด แสดงให้เห็นสิ่งที่แท้จริงของภัยพิบัติและผลกระทบต่อชีวิตของผู้โดยสาร

การแสดงในของนักแสดงนั้นก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยลีโอนาร์โด ดิคาปริโอในวัยละอ่อนและเคต วินสเล็ตหญิงสาวที่ดูสง่า แสดงบทแจ็คกับโรสได้อย่างน่าหลงใหล เคมีบนหน้าจอของพวกเขาดูเข้ากันได้ดีมาก อารมณ์ออกมาแบบดิบๆ แต่ดูน่าเชื่อถือ ดึงให้เราเข้าสู่เรื่องราวความรักของพวกเขาและทำให้โศกนาฏกรรมยิ่งบีบคั้นหัวใจมากขึ้นไปอีก

จึงไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อภาพออกมารวมๆ ในระยะเวลา 3 ชั่วโมง 14 นาทีนั้น จึงพบกับความปราณีต, ดราม่า, และ ความระทึกขวัญบนโศกนาฎกรรมได้อย่างดีมากๆ สมกับรางวัลออสการ์ 11 รางวัลได้แก่

  • Best Picture – James Cameron and Jon Landau
  • Best Director – James Cameron
  • Best Cinematography – Russell Carpenter
  • Best Art Direction – Art Direction: Peter Lamont, Set Decoration: Michael Ford
  • Best Visual Effects – Robert Legato, Mark A. Lasoff, Thomas L. Fisher, and Michael Kanfer
  • Best Film Editing – Conrad Buff IV, James Cameron, and Richard A. Harris
  • Best Costume Design – Deborah Lynn Scott
  • Best Sound – Gary Rydstrom, Tom Johnson, Gary Summers, and Mark Ulano
  • Best Sound Effects Editing – Tom Bellfort and Christopher Boyes
  • Best Original Dramatic Score – James Horner
  • Best Original Song – “My Heart Will Go On” by James Horner and Will Jennings, performed by Celine Dion

รวมถึงรายได้ ณ ขณะนั้นทำเงินได้ถึง $2,264,743,305 ด้วยทุนสร้างประมาณ $200 ล้าน นั้นคงแสดงถึงความเยี่ยมยอดของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี จำได้ว่าช่วงปีที่ออกนั้นฟีเวอร์มากๆ ฟังเพลง My Heart Will Go On จนแทบรู้สึกเอียร์เวิร์มเลยทีเดียว titanic เรื่องย่อ

บทความที่น่าสนใจ